5 วิธีป้องกันความดันโลหิตสูง

5 วิธีป้องกันความดันโลหิตสูง

วิธีป้องกันความดันโลหิตสูง โรคความดันโลหิตสูง (Hypertension) เป็นภาวะที่แรงดันเลือดในหลอดเลือดแดงสูงกว่าปกติ ซึ่งอาจนำไปสู่โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง หรือโรคไตเรื้อรัง หากไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจเกี่ยวกับโรคความดันโลหิตสูงอย่างครบถ้วน วิธีป้องกันความดันโลหิตสูง


สาเหตุของการเกิดโรคความดันโลหิตสูง (Hypertension)

โรคความดันโลหิตสูงสามารถแบ่งตามสาเหตุได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ คือ ความดันโลหิตสูงปฐมภูมิ (Primary Hypertension) และ ความดันโลหิตสูงทุติยภูมิ (Secondary Hypertension) ซึ่งแต่ละประเภทมีสาเหตุที่แตกต่างกันดังนี้:


1. ความดันโลหิตสูงปฐมภูมิ (Primary Hypertension)

เป็นความดันโลหิตสูงที่ไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด โดยพบได้ถึง 90-95% ของผู้ป่วยทั้งหมด สาเหตุเกิดจากปัจจัยหลายด้านที่สัมพันธ์กัน ได้แก่:

1.1 พันธุกรรมและกรรมพันธุ์

  • คนที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคความดันโลหิตสูงจะมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น
  • การถ่ายทอดยีนบางชนิดอาจทำให้การควบคุมแรงดันเลือดผิดปกติ

1.2 อายุที่เพิ่มขึ้น

  • หลอดเลือดมักเสื่อมสภาพและแข็งตัวมากขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น ทำให้เลือดไหลเวียนได้ยาก

1.3 พฤติกรรมการใช้ชีวิต

  • การรับประทานอาหารที่มีโซเดียมสูง เช่น อาหารแปรรูปและอาหารเค็ม
  • การบริโภคไขมันอิ่มตัวหรือไขมันทรานส์ในปริมาณมาก
  • การดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมาก
  • การสูบบุหรี่ที่ทำให้หลอดเลือดตีบและเพิ่มแรงดันในหลอดเลือด
  • การไม่ออกกำลังกาย ทำให้ระบบไหลเวียนโลหิตทำงานได้ไม่ดี

1.4 ความเครียด

  • ความเครียดทำให้ระบบประสาทซิมพาเทติกทำงานเกิน ส่งผลให้หัวใจเต้นเร็วขึ้นและหลอดเลือดหดตัว

1.5 น้ำหนักตัวเกินหรือโรคอ้วน

  • การมีไขมันสะสมมากเกินไปทำให้หัวใจต้องทำงานหนักขึ้น ส่งผลให้แรงดันโลหิตเพิ่มขึ้น

2. ความดันโลหิตสูงทุติยภูมิ (Secondary Hypertension)

เกิดจากภาวะหรือโรคที่เป็นปัจจัยกระตุ้นให้ความดันโลหิตสูงขึ้น โดยพบในผู้ป่วยประมาณ 5-10% สาเหตุที่พบบ่อย ได้แก่:

2.1 โรคไตเรื้อรัง

  • ไตที่ทำงานผิดปกติจะส่งผลให้สมดุลของน้ำและเกลือในร่างกายเสียไป ทำให้แรงดันโลหิตสูงขึ้น

2.2 ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Sleep Apnea)

  • การหยุดหายใจชั่วขณะทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนที่กระตุ้นความดันโลหิต

2.3 ความผิดปกติของฮอร์โมน (Endocrine Disorders)

  • ภาวะต่อมหมวกไตทำงานมากเกินไป (Cushing\u2019s Syndrome) หรือเนื้องอกของต่อมหมวกไต (Pheochromocytoma)
  • ภาวะไทรอยด์ผิดปกติ เช่น ไทรอยด์เป็นพิษ (Hyperthyroidism)

2.4 ผลข้างเคียงจากยา

  • ยาบางชนิด เช่น ยาต้านอักเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) ยาคุมกำเนิด หรือยาลดน้ำมูกที่มีสารกระตุ้น

2.5 ปัญหาเกี่ยวกับหลอดเลือด

  • การตีบของหลอดเลือดแดงใหญ่ (Aortic Coarctation) หรือหลอดเลือดไตตีบ (Renal Artery Stenosis) ซึ่งทำให้เลือดไหลเวียนได้ยาก

2.6 โรคเบาหวาน

  • เบาหวานทำให้หลอดเลือดเสื่อมสภาพและเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดความดันโลหิตสูง

2.7 การตั้งครรภ์

  • ผู้หญิงบางรายอาจเกิดภาวะความดันโลหิตสูงระหว่างตั้งครรภ์ (Pregnancy-induced Hypertension)

ปัจจัยเสี่ยงที่ส่งผลต่อทุกประเภทของโรคความดันโลหิตสูง

  • การรับประทานเกลือมากเกินไป
  • การบริโภคผักผลไม้น้อย
  • การไม่ดื่มน้ำอย่างเพียงพอ
  • การขาดวิตามินและแร่ธาตุ เช่น โพแทสเซียม แมกนีเซียม และแคลเซียม

วิธีการรักษาโรคความดันโลหิตสูง

  1. การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม:
    • ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
    • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เช่น เดิน วิ่ง หรือโยคะ
    • ลดการบริโภคเกลือ โซเดียม และอาหารแปรรูป
  2. การใช้ยา:
    • แพทย์อาจสั่งจ่ายยาควบคุมความดัน เช่น ยาขับปัสสาวะ ยาลดแรงต้านในหลอดเลือด หรือยาลดอัตราการเต้นของหัวใจ
  3. การติดตามผล:
    • วัดความดันโลหิตอย่างสม่ำเสมอ และพบแพทย์ตามนัด

เครื่องวัดความดัน จัดโปร 

ลดราคา ที่


5 วิธีป้องกันความดันโลหิตสูง

โรคความดันโลหิตสูงเป็นภัยเงียบที่สามารถนำไปสู่โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และโรคไตเรื้อรังได้ แต่คุณสามารถลดความเสี่ยงด้วยการดูแลสุขภาพอย่างเหมาะสม บทความนี้จะแนะนำ 5 วิธีป้องกันความดันโลหิตสูงที่คุณสามารถนำไปปฏิบัติได้ทันที

วิธีป้องกันความดันโลหิตสูง


1. ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ

การมีน้ำหนักตัวเกินหรือเป็นโรคอ้วนเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญของความดันโลหิตสูง การควบคุมน้ำหนักสามารถลดแรงดันในหลอดเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ คุณควร:

  • คำนวณค่าดัชนีมวลกาย (BMI) เพื่อประเมินน้ำหนักตัว
  • รับประทานอาหารที่มีแคลอรีเหมาะสม
  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เช่น เดินเร็ว วิ่ง หรือปั่นจักรยาน

2. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

การออกกำลังกายช่วยเสริมสร้างสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด และช่วยลดความดันโลหิตได้ คุณควร:

  • ออกกำลังกายแบบแอโรบิก เช่น เดินเร็ว ว่ายน้ำ หรือโยคะ อย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน
  • ทำกิจกรรมที่เพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ เช่น การยกน้ำหนัก
  • หลีกเลี่ยงการนั่งทำงานนานเกินไป ควรลุกขึ้นเคลื่อนไหวเป็นระยะ

3. ลดการบริโภคเกลือและโซเดียม

เกลือและโซเดียมที่มากเกินไปเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ความดันโลหิตสูง คุณสามารถลดความเสี่ยงได้โดย:

  • เลือกอาหารที่มีโซเดียมต่ำ เช่น ผักสดและผลไม้
  • หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูป เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ไส้กรอก และขนมขบเคี้ยว
  • ใช้เครื่องปรุงรสที่มีโซเดียมต่ำ เช่น เกลือสมุนไพร

4. รับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ

การเลือกรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพช่วยลดความเสี่ยงของความดันโลหิตสูงได้ คุณควร:

  • กินผักและผลไม้ที่มีโพแทสเซียมสูง เช่น กล้วย อะโวคาโด และผักใบเขียว
  • เลือกโปรตีนจากพืช เช่น ถั่วเหลือง ถั่วลิสง
  • บริโภคปลาที่มีกรดไขมันโอเมก้า-3 เช่น ปลาแซลมอน
  • ลดการบริโภคไขมันอิ่มตัวและไขมันทรานส์

5. ลดความเครียด

ความเครียดเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญอีกข้อหนึ่งของความดันโลหิตสูง การจัดการความเครียดช่วยให้สุขภาพจิตและร่างกายดีขึ้น คุณสามารถลดความเครียดได้โดย:

  • ฝึกสมาธิหรือโยคะเพื่อผ่อนคลาย
  • ใช้เวลาทำกิจกรรมที่คุณชื่นชอบ เช่น ฟังเพลง อ่านหนังสือ
  • พูดคุยกับเพื่อนหรือครอบครัวเพื่อระบายความเครียด

 

แนะนำ เครื่องวัดความดัน Omron รุ่น HEM-6232T

วิธีป้องกันความดันโลหิตสูง 💓 ตรวจเช็กสุขภาพได้ง่ายๆ ทุกวัน กับ OMRON HEM-6232T 💓 เครื่องวัดความดันโลหิตอัตโนมัติทางข้อมือ ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่ ให้คุณมั่นใจทุกการใช้งาน 🔹 ฟีเจอร์เด่น:

  • เชื่อมต่อบลูทูธ กับแอปพลิเคชัน OMRON Connect เพื่อบันทึกและติดตามผลได้สะดวก
  • เทคโนโลยี IntelliSense ลดแรงบีบรัดขณะวัด เพิ่มความสบาย
  • ผ้ารัดข้อมือแบบปรับได้ (ขนาด 13.5-21.5 ซม.) ใช้งานง่ายเหมาะกับทุกคน
  • สัญลักษณ์เตือนครบครัน เช่น ความดันโลหิตสูง, การเคลื่อนไหวขณะวัด, การเต้นหัวใจผิดปกติ และตำแหน่งเครื่องที่เหมาะสม
  • หน่วยความจำ 100 ครั้งต่อผู้ใช้งาน 2 คน
  • ใช้ถ่าน AAA 2 ก้อน ใช้งานได้ถึง 300 ครั้ง

ขนาดเล็ก น้ำหนักเบา เพียง 91 กรัม (ไม่รวมถ่าน) พกพาสะดวก 🔵 สุขภาพที่ดี เริ่มต้นได้ง่ายๆ ที่บ้าน! พร้อมดูแลตัวคุณและคนที่คุณรัก ด้วย OMRON HEM-6232T


 

10 อาหารที่ช่วยลดความดันโลหิตสูง

  1. กล้วย

    • อุดมไปด้วยโพแทสเซียม ช่วยลดผลกระทบของโซเดียมในร่างกายและปรับสมดุลความดันโลหิต
  2. อะโวคาโด

    • มีไขมันดีและโพแทสเซียม ช่วยลดความดันโลหิตและส่งเสริมสุขภาพหัวใจ
  3. ผักโขม

    • มีโพแทสเซียม แมกนีเซียม และไฟเบอร์ ช่วยลดแรงดันในหลอดเลือด
  4. เบอร์รี

    • โดยเฉพาะบลูเบอร์รี มีสารฟลาโวนอยด์ที่ช่วยปรับปรุงการไหลเวียนของเลือดและลดความดันโลหิต
  5. ปลาแซลมอน

    • อุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า-3 ช่วยลดการอักเสบและความดันโลหิต
  6. กระเทียม

    • มีสารอัลลิซินที่ช่วยขยายหลอดเลือดและลดความดันโลหิต
  7. เมล็ดฟักทอง

  8. ข้าวโอ๊ต

    • มีไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำที่ช่วยลดคอเลสเตอรอลและปรับสมดุลความดันโลหิต
  9. โยเกิร์ตไขมันต่ำ

    • เป็นแหล่งแคลเซียมที่สำคัญ ช่วยควบคุมความดันโลหิต
  10. ชาดำและชาเขียว

  • มีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปรับปรุงการทำงานของหลอดเลือดและลดความดันโลหิต

การรับประทานอาหารเหล่านี้ควบคู่กับการลดโซเดียมและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยควบคุมความดันโลหิตและส่งเสริมสุขภาพโดยรวมได้อย่างดีเยี่ยม!


อาหารที่ไม่ควรรับประทาน

  1. อาหารที่มีโซเดียมสูง:
    • อาหารแปรรูป เช่น ไส้กรอก แฮม บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป
  2. อาหารที่มีไขมันทรานส์และไขมันอิ่มตัวสูง:
    • ขนมขบเคี้ยว ฟาสต์ฟู้ด ขนมอบ
  3. เครื่องดื่มที่มีน้ำตาลหรือคาเฟอีนสูง:
    • น้ำอัดลม ชาและกาแฟที่ใส่น้ำตาลมาก
  4. แอลกอฮอล์:
    • ควรจำกัดปริมาณ หรือหลีกเลี่ยงหากเป็นไปได้

สรุป

โรคความดันโลหิตสูงเป็นโรคที่สามารถป้องกันและควบคุมได้ด้วยการดูแลสุขภาพอย่างเหมาะสม ทั้งการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การเลือกรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ และการปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ หากคุณมีความเสี่ยง ควรเริ่มดูแลตัวเองตั้งแต่วันนี้เพื่อสุขภาพที่ดีในระยะยาว  

อุปกรณ์วัดความดัน จัดโปรฯ ลดราคา 20-50%